กำเนิดสาธารณรัฐจีน (1) ปลายรัชสมัยกษัตริย์เคียงล้น กลุ่มอิสลามให้มณฑลกันซู คณะบัวขาวในมณฑลฮูเปและชนเผ่าเมี้ยวกับเอี๊ยวในมณฑลไกวจิวเริ่มก่อการไม่สงบ เป็นครั้งคราว พอกษัตริย์ยิงจงขึ้นครองราชย์และในปี พ.ศ. ๒๒๓๙ คณะบัวขาวก็ลุกลามไปตามมณฑลโฮนาน กันซู และเสฉวนอย่างรวดเร็ว การปล้นชิงทรัพย์มีอยู่ทั่วไปในภาคใต้ และกว่าจะปราบปรามได้เรียบร้อย ก็เป็นเวลานานถึง ๙ ปี รวมค่าใช้จ่ายทางทหารเป็นเงินหลายล้านกิโลกรัม ซึ่งนับว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยในสมัยนั้น และต้องเสียชีวิตทหารและราษฎรไม่ต่ำกว่าล้านคนต่อจากนั้นเกิดมีโจรสลัดขึ้น ตามน่านน้ำฮกเกี้ยนและจีเกียง กระทั่ง พ.ศ. ๒๓๖๓ จึงเบาบางลง แต่กลุ่มอิสลามก็ก่อความไม่สงบขึ้นเป็นการใหญ่ ต้องทำศึกอยู่เป็นเวลาถึง ๑๑ ปี จึงตกลงหยุดรบกัน ราชวงศ์เช็งเสื่อมโทรมลงเป็นอันมากเพราะการทำศึกในระยะนี้
สงครามฝิ่น การค้าของชาวอังกฤษในจีน เป็นรองจากปอร์ตุเกสตลอดมา ครั้นบริษัทอีสต์อินเดีย (ซึ่งพ่อค้าอังกฤษตั้งขึ้นมา พ.ศ. ๒๑๕๗ เพื่อทำการค้าในอินเดีย) มีอิทธิพลมากขึ้น จึงขยายกิจการค้ามายังจีน โดยนำฝิ่นมาขายด้วย และแม้จะถูกเผาทิ้งไปสองครั้งในสมัยกษัตริย์เคียงล้งแต่ก็ยังนำเข้ามา เรื่อยๆ กระทั่งมีจำนวนสูงขึ้นถึงปีละ ๓๔,๐๐๐ หีบ (หีบหนึ่งบรรจุฝิ่น ๑๓๔ ปอนด์) ลิ่มเจกซื้อข้าหลวงใหญ่กวางตุ้ง จึงขออำนาจจัดการเรื่องฝิ่นโดยเด็ดขาด ซึ่งปักกิ่งก็อนุญาต พ.ศ. ๒๓๔๒ ลิ่มเจกซื้อบังคับให้พ่อค้าอังกฤษส่งฝิ่นทั้งที่มีอยู่ได้จำนวน ๒๐,๒๓๘ หีบแล้วเผาทิ้งเสียทันที ขณธนั้นอังกฤษก็คิดจะเจรจาโดยสันจิวิธีเพื่อขอทำการค้าต่อไป แต่ลิ่มเจกชื้อไม่ยอมเจรจาด้วย พ.ศ. ๒๓๘๓ ลอร์ดฮาร์ดิงผู้สำเร็จราชการอินเดียจึงส่งทัพเรือเข้าตีกวางตุ้ง อามอย นิงปอและเซี่ยงไฮ้ แล้วเข้ายึดนานกิงใน พ.ศ. ๒๓๘๕ ราชวงศ์เช็งจึงต้องทำสัญญาสงบศึกกับอังกฤษโดยชดใช้ค่าเสียหาให้แก่อังกฤษ เป็นเงิน ๒๑ ล้านดอลลาห์อเมริกัน เปิดเมืองกวางตุ้ง อามอย ซูเจา นิงปอ และเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองค้า ยกเกาะฮ่องกงให้ปอร์ตุเกส ต่างก็ส่งทูตมาติดต่อกับจีนเป็นทางการ มหาอาณาจักรเช็งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่พวกฝรั่ง และราชวงศ์ก็รู้กำลังรบของพวกฝรั่งเป็นอย่างดีเช่นกัน ตั้งแต่สงครามฝิ่นเป็นต้นมา
ฝิ่นกับจีน ชาวจีนรู้จักฝิ่นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง จากพระวินัยปิฎกบริวารขันธกะแต่ไม่ได้ออกชื่อฝิ่นเพียงแต่บรรยายการสูบซึ่ง เป็นวิธีสูบฝิ่น และในราชวงศ์เหม็งปีพ.ศ. ๒๑๕๘ ปรากฏว่ามีการเก็บภาษีในอัตรา ๑๐๐ กัมต่อ ๖๐ กิโลกรัม ในประเภทยารักษาโรคเรียกว่าปอปปี้หรืออาเผี่ยนหรืออาฟูหยง
สมันราชวงศ์เช็ง พ.ศ. ๒๒๗๒ มีฝิ่นเข้ามาขายในจีน ๒๐ หีบต่อปี (หีบละ ๑๓๔ ปอนด์) และได้เพิ่มขึ้นเรื่อยมาถึง พ.ศ.๑๓๑๖ เพิ่มขึ้นถึงปีละ๔,๐๕๔ หีบ มาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๗ ปรากฏว่าจีนซื้อฝิ่นจากต่างประเทศเป็นเงินมีน้ำหนักถึงหนึ่งล้านกิโลกรัมต่อ ปี ซึ่งนับว่าเป็นเงินจำนวนมากอย่างยิ่ง
ขณะนั้น ชาวจีนถือฝิ่นเสมือนน้ำชารับแขก แทนที่จะนั่งดื่มชากันกลับไปนอนคุยสูบฝิ่นกัน คนมั่งมี พยายามสอนลูกหลานให้ติดฝิ่นตั้งแต่เด็ก เพราะถือว่า เมื่อติดฝิ่นก็จะไม่ไปหลงใหลเรื่องสุรานารีรวมทั้งการพนัน