จิวยี่

จิวยี่

จิวยี่

จิวยี่

ชื่อรองว่า“กงจิน” ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอซูในเมืองโลกั๋ง บรรพบุรุษสองคน จิวอิ๋ง และ จิวต๋ง มีตำแหน่งเป็นไท่เว่ย (สมุหพระกลาโหม) แห่งราชสำนักฮั่น บิดานามว่า จิวอี้ เคยมีตำแหน่งเป็นนายอำเภอในเมืองลกเอี๋ยง ส่วนตัวเองนั้นเมื่อโตขึ้นนับว่าเป็นหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง

เมื่อซุนเกี๋ยนระดมกำลังปราบตั๋งโต๊ะ เขาได้ย้ายครอบครัวของเขาไปอยู่อำเภอซู ทั้งจิวยี่และซุนเซ็กต่างอยู่ในวัยเดียวกันและถูกคอกันอย่างมาก จิวยี่เชิญซุนเซ็กให้อยู่ในเคหาสน์ของเขาและไปแสดงความเคารพต่อมารดาของซุนเซ็ก จิวเจียงผู้ลุง มีตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองตันเอี๋ยง ครั้งหนึ่งที่จิวยี่มาเยี่ยมเยียนลุงของเขา ซุนเซ็กนำทหารสู่ทิศตะวันออกข้ามแม่น้ำแยงซีสู่เมืองลิเอี๋ยงซึ่งจิวยี่พักอยู่พอดี จึงส่งจดหมายเชิญให้มาร่วมด้วย จิวยี่จึงนำทหารจำนวนหนึ่งเข้าร่วมกับกองทัพของซุนเซ็ก ซึ่งซุนเซ็กยินดีเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นทั้งสองได้ร่วมมือกันยึดเมืองเฮงเจียงกับตังลี่ และข้ามแม่น้ำไปโจมตีเบาะเหลง เอาชนะ ฉกหยง และ ซีเหล ที่ออกมาป้องกันเมือง และยกทัพลงใต้ยึดฮูซูและเกงเฉิง และขับไล่เล่าอิ้วออกเมืองฉีอา ณ เวลานี้ ซุนเซ็กซึ่งมีกำลังทหารหลายแสนคนคิดว่าเขาสามารถยึดครองง่อกุ๋นกับฮุยจีและกำราบชนเผ่าซานเยว่ได้ เขาจึงให้จิวยี่กลับไปเฝ้าเมืองตันเอี๋ยง

ไม่นานหลังจากนั้น อ้วนสุดได้แต่งตั้งอ้วนอิ๋นมาเป็นเจ้าเมืองตันเอี๋ยงแทนที่จิวเจียง และจิวยี่จึงเดินทางกลับเมืองซิ่วชุนของอ้วนสุด ในเวลานั้น อ้วนสุดได้เกลี้ยกล่อมให้จิวยี่มาร่วมงานกับตน แต่จิวยี่เห็นว่าอยู่ไปก็ไม่ก้าวหน้า จึงทำทีขออ้วนสุดไปเป็นนายอำเภอจีเกียว ใกล้เขตกังตั๋งเพื่อรอโอกาสพบกับซุนเซ็ก

เจี้ยนอันศก ปีที่สาม ซุนเซ็กมาต้อนรับจิวยี่เข้าสังกัดด้วยตัวเอง และแต่งตั้งจิวยี่เป็นแม่ทัพ เขายังมอบทหาร2,000นาย และม้า50ตัวไว้ใต้บังคับบัญชาด้วย เวลานั้นจิวยี่อายุยี่สิบสี่ปี ชาวกังตั๋งต่างตั้งสมญาให้เป็น “โจวหลาง ซึ่งแปลว่า สุภาพบุรุษหนุ่มแซ่จิว) ความใจกว้างและซื่อสัตย์ของจิวยี่เป็นที่เลื่องลือทั่วแคว้นโลกั๋ง ภายหลังเขาย้ายจากโลกั๋งไปดูแลเมืองนิวชู และต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นนายอำเภอชุนกู่

เมื่อซุนเซ็กโจมตีเกงจิ๋ว เขาแต่งตั้งจิวยี่เป็นจงฟู่จุน (ผู้คุมทัพหลวง) และเจ้าเมืองกังแฮ เมื่อยึดเมืองอ้วนเสียสำเร็จแล้ว ทั้งซุนเซ็กและจิวยี่ได้แต่งงานกับ “นางสองเกี้ยว” บุตรีทั้งสองของเกียวก๊กโล่ จากนั้นจึงไปยึดเมืองซุนเอี๋ยงจากเล่าชุนมาได้สำเร็จ ทั้งสองยังรุกต่อในเขตกังแฮ และแบ่งกำลังไปยึดอี้เจียงและลิเหลง หลังจากนั้นจิวยี่จึงไปรักษาปากิ๋ว

เจี้ยนอันศกปีที่ 5 ซุนเซ็กเสียชีวิตและซุนกวนสืบทอดอำนาจต่อ จิวยี่กลับไปร่วมงานศพในเขตแคว้นง่อและยังอยู่ต่อหลังจากนั้น เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลกิจการภายในรัฐร่วมกับเตียวเจียว

เจี้ยนอันศกปีที่ 11 จิวยี่ ซุนอี้ และพรรคพวกได้ออกปราบโจรที่ตำบลหม่า และ เป่า สังหารหัวหน้าโจรและจับกุมสมุนโจรได้ราวหมื่นคน ในปีเดียวกัน หองจอ เจ้าเมืองกังแฮฝ่ายเล่าเปียวได้สั่งการให้เตงหลง นำทัพหลายพันคนโจมตีชีสอง จิวยี่ออกต่อสู้และจับเป็นเตงหลงได้

เจี้ยนอันศกปีที่13 ซุนกวนแต่งตั้งจิวยี่เป็นแม่ทัพหน้าเข้าโจมตีกังแฮ ในปีเดียวกัน โจโฉเริ่มรุกรานเกงจิ๋ว เล่าจ๋อง เจ้าเมืองเกงจิ๋วตัดสินใจยอมแพ้ต่อโจโฉ กำลังทหารของโจโฉเพิ่มขึ้นหลายแสน และยังได้ทัพเรือของเกงจิ๋วอีกด้วย ทำให้ขุนพลในกังตั๋งหลายคนหวาดกลัวอิทธิพลของโจโฉ ซุนกวนจึงเรียกประชุมเป็นการด่วน

ในที่ประชุม ขุนพลส่วนมากต้องการยอมแพ้ต่อโจโฉ โดยเหตุผลหลักคือการที่โจโฉมีกองทัพที่ใหญ่กว่ากังตั๋งมาก และการที่โจโฉได้เกงจิ๋วไปแล้วทำให้ง่อก๊กเสียความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์จากแม่น้ำฉางเจียง แต่จิวยี่กลับเห็นต่างออกไป เขาเห็นว่าโจโฉยังมีจุดอ่อนอีกหลายประการ อย่างแรกคือโจโฉยังต้องคอยระวังม้าเฉียวกับหันซุยแห่งเสเหลียง สองคือทหารจากภาคเหนือไม่ชำนาญการรบทางน้ำเท่ากับทหารกังตั๋ง สามคือช่วงนี้ใกล้ฤดูหนาว เสบียงอาหารจะขาดแคลน ทหารของโจโฉเหนื่อยล้าจากการรบต่อเนื่องมาตั้งแต่ครั้งปราบอ้วนเสี้ยว และสุดท้ายคือ สภาพอากาศอันแปรปรวนของภาคใต้จะทำให้ทหารโจโฉเจ็บไข้ได้ป่วย

ด้วยเหตุนี้ จิวยี่รู้สึกว่าสถานการณ์ยังเป็นใจสามารถให้จับเป็นโจโฉได้ จึงขอทหารมีฝีมือ30,000นายเฝ้าเมืองแฮเค้า และยืนยันว่าเขาสามารถเอาชนะโจโฉได้แน่ ซุนกวนจึงมั่นใจที่จะต่อต้านโจโฉมากขึ้น ประจวบกับเล่าปี่เพิ่งถูกโจโฉรุกไล่มาและได้พบโลซกที่เมืองตันเอี๋ยง ทั้งสองได้เจรจาถึงการตั้งกองทัพพันธมิตรต่อต้านโจโฉ จึงส่งขงเบ้งเป็นทูตไปเจรจากับซุนกวน ส่วนตัวเล่าปี่เองรั้งอยู่ที่เมืองแฮเค้า จากนั้นซุนกวนจึงส่งจิวยี่ เทียเภาและขุนพลอีกหลายคนมารวมพลกับเล่าปี่และเปิดศึกกับโจโฉที่เซ็กเพ็ก ทหารโจโฉซึ่งเจ็บป่วยอยู่แล้วหลายส่วนจึงถอยร่นไปตั้งทัพอยู่ฝั่งทางเหนือของแม่น้ำแยงซีเกียง

อุยกาย ขุนพลง่อก๊ก เห็นว่าทหารโจโฉมีมากมายมหาศาล ยากที่จะต่อกรด้วยในระยะยาว แต่ยังเห็นว่าทัพเรือโจโฉได้ใช่โซ่ผูกเชื่อมเรือต่อกัน จึงเสนอว่าสมควรใช้ไฟต้านทัพข้าศึก จิวยี่เห็นด้วยกับแผนการจึงได้เตรียมเรือที่บรรทุกเชื้อเพลิงไว้เต็มลำไว้หลายลำ ส่วนอุยกายส่งจดหมายลวงว่าจะสวามิภักดิ์ด้วย เมื่อทหารโจโฉออกมารับกองเรือของอุยกาย อุยกายจึงสั่งทหารจุดไฟขึ้น ลมพัดโหมไฟลุกลามไปทั่วกองเรือและค่ายทัพโจโฉอย่างรวดเร็ว กองทัพโจโฉเสียหายยับเยิน โจโฉถูกบีบให้ถอยทัพและป้องกันเมืองลำกุ๋นจากทัพพันธมิตรซุน-เล่า เล่าปี่กับจิวยี่นำทหารออกติดตามแต่โจโฉหนีกลับภาคเหนือไปแล้วโดยทิ้งโจหยินรักษาเมืองลำกุ๋น

ไม่นานหลังจากนั้น จิวยี่และเทียเภานำทหารโจมตีเมืองลำกุ๋นซึ่งมีโจหยินดูแล และ ส่งกำเหลงไปประจำการณ์ที่อิเหลง โจหยินจึงแบ่งทหารไปโจมตีกำเหลง กำเหลงเห็นท่าไม่ดีจึงส่งจดหมายแจ้งให้ทัพหลวงง่อก๊กส่งทัพหนุนมาช่วยเหลือ จิวยี่เชื่อคำแนะนำของลิบองจึงให้เล่งทองเฝ้าเมืองแทนและยกทัพไปกับลิบองเพื่อช่วยกำเหลง เสร็จแล้วจึงข้ามแม่น้ำไปเตรียมทำศึกตัดสินกับโจหยิน ในการรบครั้งต่อมา จิวยี่นำทัพเข้าสู้ด้วยตัวเองแต่พลาดท่าต้องเกาทัณฑ์ที่ไหล่ขวาบาดเจ็บสาหัส จึงจำต้องถอนทัพไป เมื่อโจหยินทราบข่าวจึงนำทหารไปบุกค่ายง่อก๊ก แต่จิวยี่กลับลุกขึ้นมาปลุกปลอบขวัญทหารจนฮึกเหิมและทำให้โจหยินถอยทัพกลับไปได้ในที่สุด

ผลการรบครั้งนี้ ทำให้ซุนกวนแต่งตั้งจิวยี่เป็น แม่ทัพใหญ่ และเจ้าเมืองลำกุ๋น และยังให้วางทหารคอยป้องกันอยู่ที่กังเหลง ฝ่ายเล่าปี่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นขุนพลซ้ายและเป็นผู้ครองแคว้นเกงจิ๋ว ได้มาอยู่ที่เมืองกงอัน เมื่อเล่าปี่ไปเยี่ยมเยียนซุนกวนที่จิงโข่ว จิวยี่ได้เตือนให้ระวังถึงความสามารถของเล่าปี่และการที่เล่าปี่มีกวนอูกับเตียวหุย จึงออกอุบายให้ซุนกวนแต่งตั้งเล่าปี่ให้มีตำแหน่งและความสะดวกสบายอยู่ในเขตกังตั๋ง เพื่อจะได้ใช้งานกวนอูเตียวหุยในศึกต่อไป แต่ซุนกวนไม่เห็นความจำเป็นและเห็นว่าควรทำดีกับเล่าปี่เพื่อต้านโจโฉ รวมทั้งยังเห็นว่าคนอย่างเล่าปี่เองก็ไม่ใช่คนที่ควบคุมได้ง่ายด้วย

ในเวลาเดียวกัน เล่าเจี้ยงแห่งเสฉวนกำลังติดพันกับเตียวฬ่อแห่งฮันต๋ง จิวยี่จึงเสนอแผนการยึดภาคเหนือแก่ซุนกวนที่เมืองจิงโข่ว โดยจะยกทัพร่วมกับซุนอี้ เข้าสู่เขตเสฉวน จากนั้นจึงร่วมกับเตียวฬ่อและให้ซุนอี้เฝ้าเสฉวน รวมทั้งสานสัมพันธ์กับฝ่ายม้าเฉียว ส่วนจิวยี่เองจะกลับมายังเกงจิ๋ว ยกทัพร่วมกับซุนกวนจากซงหยงเข้าโจมตีโจโฉ ซุนกวนเห็นด้วยกับแผนการนี้ จึงกลับกังเหลงไปเตรียมการ แต่กลับเสียชีวิตจากอาการป่วยระหว่างทางไปปากิ๋ว จากโลกไปด้วยวัยเพียง36ปี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *