ซือจิน

ซ้องกั๋ง ตอน ซือจิน เจ้าหนุ่มด้อยปัญญา (4)

ซือจิน
ซือจิน

ซ้องกั๋ง ตอน ซือจิน เจ้าหนุ่มด้อยปัญญา (4) ซือจิน ได้เป็นนายรองของกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ ซึ่งต่อมาได้เติบโตเป็นปึกแผ่นแน่นหนาอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่ง เตียวไก่ หัวหน้าใหญ่ ได้ถึงแก่ความตายไปด้วยน้ำมือของพวกแซ่จัน พี่น้องเขาเนียซัวเปาะจะยกให้ ซ้องกั๋ง เป็นหัวหน้าใหม่สืบต่อไป

แต่ซ้องกั๋งเกี่ยงให้ โลวจุนหงี เศรษฐีใหญ่ที่มาเข้าพวกด้วยทีหลัง แต่เป็นผู้แก้แค้นแทนเตียวไก่ได้สำเร็จ เป็นนายใหญ่ตามที่เตียวไก่ได้สั่งไว้ก่อนตาย เกี่ยงกันไปมาลงท้ายซ้องกั๋งเสนอให้ต่างยกทัพไปตีเมืองคนละเมือง เพื่อวัดดวง ผู้ใดได้ชัยชนะกลับมาก่อน ก็ให้ผู้นั้นเป็นหัวหน้าใหญ่ ปกครองเขาเนียซัวเปาะสืบต่อไป

โลวจุนหงีก็ยกพลไปตีเมืองตังเซียงฮู้ ซ้องกั๋งก็ยกพลไปตีเมืองตังเพงฮู้

เมื่อซ้องกั๋งยกทัพมาตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลอันซัวติ้น ห่างจากตัวเมืองประมาณสี่สิบลี้แล้วให้นายรองสองคนชื่อ เปาสี กับ เฮงเตง ถือหนังสือไปเกลี้ยกล่อม เทียบวนลี้ เจ้าเมืองให้ยอมอ่อนน้อมโดยดี จะขอเสบียงอาหารเท่านั้น แต่เจ้าเมืองเชื่อคำทหารเอกที่ชื่อ ตังเผง ไม่เกรงกลัวกลับเอาตัวผู้ถือหนังสือทั้งสองไปเฆี่ยนเสียคนละยี่สิบที แล้วไล่กลับมา

ซ้องกั๋งจึงเตรียมเข้าตีหักเอาเมือง ซือจินซึ่งไปในกองทัพด้วย คิดจะขออาสาเป็นไส้ศึกหาความดีความชอบ จึงบอกกับซ้องกั๋งว่า

“.…เดิมข้าพเจ้าได้ไปมาในเมืองตังเพงฮู้มิได้ขาด รักใคร่อยู่กับ นางลีซุยลัน คนเล่น บัดนี้ข้าพเจ้าจะอาสาท่านเอาเงินทองติดเข้าไปใช้สอย สำนักอาศัยที่บ้านนางลีซุยลัน จัดการไว้ให้พร้อม ถ้าถึงกำหนดนัด ท่านจงยกกองทัพเข้าตีเมือง แม้นตังเผงยกออกมาสู้รบ ข้าพเจ้าจะจุดไฟติดขึ้นข้างใน ไพร่พลคงตกใจแตกตื่นกระจัดกระจาย ท่านตีหักเข้าไปก็จะเอาชัยชนะได้..”

ซ้องกั๋งก็เห็นชอบด้วย จึงว่า

“….จงจัดการให้ดี พี่จะเตรียมไว้คอยท่า ถึงกำหนดเวลาจะได้ยกไป…..”

ซือจินก็จัดแจงเอาเงินทองสิ่งของติดตัว ออกจากค่ายเข้าไปในเมืองตังเพงฮู้ จนถึงบ้าน นางลีซุยลัน ผู้หญิงหากินที่เคยชอบพอกันอยู่ บิดานางลีซุยลันก็ตกใจ พาซือจินขึ้นไปบนเหลาสูง แล้วว่า

“…..ช้านานหนักหนาไม่ได้เห็นหน้าเลย ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าท่านไปเป็นไต้อ๋อง ที่เขาเนียซัวเปาะ ผู้รักษาเมืองเขาปิดหนังสือจะคอยจับตัวท่าน เมื่อสองเวลานี้ชาวเมืองเลื่องลือกันว่า ซ้องกั๋งยกกองทัพมา จะตีเอาเสบียงอาหาร ตัวท่านเข้าเป็นพวกพ้องซ้องกั๋งแล้ว เหตุใดจึงมาที่นี่ไม่เกรงกลัวหรือ…..”
ซือจินก็ว่า

“..เราไปสามิภักดิ์กับซ้องกั๋ง เป็นตัวนายอยู่ในตำบลเขาเนียซัวเปาะ แต่ยังไม่มีความชอบสิ่งใด บัดนี้ซ้องกั๋งยกมาจะตีเมือง เราจึงอาสาสืบข่าวคราว ปรารถนาจะคิดการสักครั้งหนึ่ง ท่านรู้เหตุการณ์นี้แล้ว อย่าได้บอกเล่ากับผู้ใด ถ้าสำเร็จการแล้ว เราจะรับพวกท่านไปให้อยู่เป็นสุขสำราญ ที่เขาเนียซัวเปาะด้วยกัน..”

ว่าแล้วก็หยิบเอาห่อเงินกับทองคำออกมาให้ บิดานางลีซุยลันก็จัดโต๊ะมาเลี้ยง ซือจิน และเรียกให้บุตรสาวมาคุยกันแล้ว ตนเองก็เข้าไปปรึกษากับ นางตัวเหนีย ภรรยา ขอให้ซือจินอาศัยอยู่ด้วย แต่นางตัวเหนียไม่เห็นชอบ บอกว่า

“…..บัดนี้ซือจินไปเข้าเป็นพวกโจรไม่เหมือนแต่ก่อน ถ้ามีผู้รู้เกิดเหตุขึ้นจะทำอย่างไร….”

สามีก็บอกว่า ซ้องกั๋งมีฝีมือเข้มแข็งยกมาตีเมืองนี้ ที่จะไม่แตกนั้นไม่มี ถ้าไม่ช่วยเขาครั้งนี้ ครั้นเขาตีเมืองได้แล้วเรามิตายหมดหรือ นางตัวเหนียก็โกรธ เร่งให้ไปฟ้องเจ้าเมืองเอาทหารมาจับตัวไปโดยเร็ว สามีก็ว่ารับเงินทองเขาแล้ว จะไปฟ้องได้อย่างไร นางตัวเหนียก็ว่า

“….คนตั้งหมื่นตั้งพันมานั่งกลัวคน ๆ เดียว ถ้าเจ้าไม่ไปก็ตามใจเราจะไปฟ้องว่าเจ้าก็เป็นพวกใส้ศึกด้วย…..”

สามีได้ฟังดังนั้นก็กลัวจึงว่า

“…..อย่าเพ่อโกรธ จงบอกกับบุตรสาวให้เกลี้ยกล่อมซือจินไว้ อย่าให้สะดุ้งเสทือน เราจะบอกให้เขามาจับ…..”

แล้วบิดานางลีซุยลันก็ออกจากบ้านไปหาเจ้าเมือง กล่าวฟ้องตามคำที่ซือจินเล่าทุกประการ เทียบวนลี้ก็จัดทหารหลายสิบคนไปล้อมจับตัวซือจิน เอาไปสอบสวน เมื่อเห็นหน้าซือจิน ก็ตวาดเอาว่า

“….โจรนี้บังอาจนัก ปลอมเข้ามาในเมืองแต่ผู้เดียว จะคิดกระทำร้าย นี่หากว่าบิดานางลีซุยลันมาฟ้อง ถ้าหาไม่เรากับพวกราษฎรก็จะพากันได้ความลำบาก ซ้องกั๋งใช้ให้มาทำอย่างไร ก็รับเสียตามจริง….”

ซือจินก็ไม่พูดจาสิ่งใด ตังเผงจึงว่าพวกโจรใจร้ายถ้าไม่เฆี่ยนตีที่ไหนจะรับ เจ้าเมืองจึงสั่งให้เฆี่ยนถึงร้อยที จนซือจินสลบไป ตังเผงจึงสั่งให้เอาตัวไปขังคุกไว้ก่อน ถ้าได้ตัวซ้องกั๋งมาเมื่อไร จะได้ส่งไปเมืองหลวงพร้อมกัน

เมื่อซ้องกั๋งส่งซือจินเข้าไปในเมืองตังเพงฮู้แล้ว ก็มีหนังสือไปแจ้งแก่โงวหยง ที่ปรึกษาใหญ่ซึ่งไปในกองทัพของโลวจุนหงีทางเมืองตังเซียงฮู้ โงวหยงรู้เรื่องแล้วก็ตกใจ รีบออกจากค่ายมาหาซ้องกั๋งโดยด่วน แล้วถามซ้องกั๋งว่าผู้ใดใช้ให้ซือจินไปทำการครั้งนี้ ซ้องกั๋งว่าซือจิน อาสาไปเอง โงวหยงก็ว่า

“…..ท่านไม่ตรึกตรองเสียก่อน แม้นข้าพเจ้าอยู่ที่ไหนจะให้ไป ธรรมดาบ้านหญิงคนเล่นสำนักอาศัยไม่ได้ ซือจินไปครั้งนี้คงเสียทีเป็นแน่…..”

ซ้องกั๋งปรึกษาว่าจะแก้ไขอย่างไร โงวหยงก็บอกอุบายให้ดำเนินการ แล้วกลับไปช่วยทางเมืองตังเซียงฮู้ตามเดิม

ซ้องกั๋งก็สั่งให้ นางโกวตัวซอ นายรองผู้มีฝีมือเข้มแข็งคนหนึ่ง ปลอมตัวเป็นหญิงขอทาน ไปคอยอยู่ที่ตำบลบุนเซียงกุ้ย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองตังเพงฮู้ แล้วให้นายรองอีกสองคน คุมพลเข้าตีตำบลบุนเซียงกุ้ย จุดประทัดตีม้าล่อและกลอง เสียงอื้ออึง ทหารประจำตำบลก็ออกสู้รบต้านทานไว้ พวกราษฎรก็ตกใจอพยพทิ้งบ้านเรือน ชวนกันหนีเข้าเมืองตังเพงฮู้

นางโกวตัวซอซึ่งปลอมเป็นขอทาน ก็ติดตามราษฎรเข้าเมืองไปได้ไม่ยาก แล้วก็เที่ยวสืบข่าว จนได้ความว่าซือจิน ถูกจับตัวไปขังไว้ในคุก

รุ่งขึ้นเช้านางโกวตัวซอก็เที่ยวขอทานเรื่อยไปจนถึงคุก ได้พบกับผู้คุมก็คุกเข่าลงคำนับแล้วร้องไห้บอกว่า

“…ซือจินนายเก่าของข้าพเจ้า จากกันมาประมาณสิบปีเศษ บัดนี้ต้องโทษอยู่ในคุกไม่แจ้งว่าโทษทัณฑ์สิ่งใด ผู้จะส่งอาหารก็ไม่มีอดอยากหนักหนา ข้าพเจ้าจึงเที่ยวขอทาน ได้อาหารมาจะขอเข้าไปให้ซือจินกิน…..”

ผู้คุมก็ว่าซือจินเป็นพวกโจรตำบลเนียซัวเปาะ โทษถึงตายให้เข้าไปเยี่ยมไม่ได้ นางโกวตัวซอจึงว่า

“…..โทษของซือจินนั้น จะฆ่าฟันประการใดก็ตาม แต่ซือจินเป็นนายเก่ามีคุณอุปการะอยู่กับข้าพเจ้า จึงจะขอเอาอาหารเข้าไปให้กินสนองคุณสักครั้งหนึ่ง…..”

พูดแล้วก็ร้องไห้กลิ้งเกลือกอยู่ร่ำไร จนผู้คุมสงสารและเห็นเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว จึงนำนางโกวตัวซอเข้าไปในคุก นางโกวตัวซอก็เอาอาหารป้อนซือจิน และกระซิบปรึกษาหารือ ตกลงกันว่าวันสิ้นเดือนเวลากลางคืน จะจัดการให้เรียบร้อย

พอดีผู้กำกับคุกเข้ามาเห็น ก็ร้องตวาดว่า คนร้ายโทษถึงตาย ผู้ใดใช้ให้เข้ามาส่งอาหาร ยังไม่ออกไปเสียโดยเร็ว หรือจะต้องให้ถูกกระบองเสียก่อน นางโกวตัวซอจึงรีบหลบออกไปเสีย

พอถึงวันแรมสิบสี่ค่ำ ผู้กำกับคุกและนายรองกับผู้คุมก็จัดการเซ่นไหว้ทำบุญสารทจีน เสร็จแล้วก็ตั้งโต๊ะเสพสุรากันตามสบายที่หน้าคุกจนมืดค่ำก็เมาสุราไปตาม ๆ กัน นายรองคนหนึ่งก็เข้าไปในคุกเรียกซือจินให้ไปที่บ่อน้ำ

ซือจินเห็นได้ทีก็แกล้งชี้มือว่าผู้ใดตามมาข้างหลัง พอรองผู้กำกับคุกเหลียวไป ซือจินก็เอาคาที่สวมคออยู่ ฟาดถูกศรีษะแตกล้มลงขาดใจตาย ซือจินจึงแกะเอาแผ่นอิฐมางัดขื่อคาโซ่ตรวนออก แล้วก็มาหน้าคุก เข้าไล่ทุบตีพวกผู้คุมที่กำลังเมาหนัก ถึงตายบ้างหนีเอาตัวรอดไปบ้าง ซือจินก็เข้าไปหักขื่อคาและโซ่ตรวนคนโทษในคุกออกเป็นอิสสระได้ทั้งสิ้น ประมาณหกสิบคน แต่ก็ไม่สามารถจะแหกคุกออกไปได้ เพราะพวกผู้คุมและทหารของตังเผงล้อมคุกเอาไว้ ต้องคอยให้พวกเข้ามาช่วย และพวกที่ล้อมก็ไม่กล้าบุกเข้าไปจัดการ ต่างก็คุมเชิงกันอยู่

ฝ่ายตังเผงก็คุมทหารออกไปรบกับซ้องกั๋ง แต่ไม่สามารถเอาชนะได้จึงยกกลับมารักษาเมือง ซ้องกั๋งก็เคลื่อนพลเข้ามาล้อมเมืองไว้อย่างแน่นหนา พอตกกลางคืนก็นำพลเข้าตีหักจะเข้าเมืองให้ได้ เจ้าเมืองก็สั่งให้ตังเผงออกไปต่อสู้ต้านทาน

ตังเผงก็ขึ้นม้าพาทหารออกจากเมืองไปขัดขวางการโจมตีของซ้องกั๋ง แต่ถูกอุบายของซ้องกั๋งดักจับตัวได้ และซ้องกั๋งก็เกลี้ยกล่อมจนยอมเป็นพวก แล้วก็ปล่อยตัวให้กลับเข้าเมือง แต่ให้ทหารของฝ่ายเนียซัวเปาะตามมาข้างหลัง ทางฝ่ายทหารรักษาเมือง เห็นตังเผงกลับมาก็เปิดประตูเมือง และทอดสะพานข้ามคูเมืองออกไปรับ ตังเผงก็เข้าเมืองพร้อมด้วยซ้องกั๋งและไพร่พลที่ตามมาข้างหลัง เที่ยวไล่ฆ่าฟันทหารในเมืองแตกระส่ำระสายกระจัดกระจายไป

ตังเผงนั้นแต่เดิมชอบพอรักใคร่บุตรสาวของเทียบวนลี้เจ้าเมืองอยู่ แต่ได้ส่งเถ้าแก่มาสู่ขอหลายครั้งก็ไม่ตกลงยินยอมยกให้ ตังเผงก็เก็บความแค้นไว้ในใจ คราวนี้ได้ทีเลยบุกเข้าไปถึงบ้านเจ้าเมือง ฆ่าเทียบวนลี้กับภรรยาและญาติพี่น้องตายลงจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่บุตรสาวที่ตนพอใจอยู่คนเดียว

นางโกวตัวซอก็นำซ้องกั๋งเข้าไปพังคุกช่วยเอาซือจินออกมาได้ แล้วก็สั่งไพร่พลไม่ให้ทำอันตรายแก่ราษฎร แต่ให้เก็บรวบรวมเงินทอง และเสบียงอาหารในคลังบรรทุกเกวียนมากมาย ให้คนนำไปส่งลงเรือที่ อวนเซียวยี กับน้องชายสองคน ซึ่งเป็นนายรองคอยควบคุมดูแลอยู่

และซ้องกั๋งก็เอาเงินทองของเทียบวนลี้เจ้าเมือง ออกแจกจ่ายแก่ราษฎรที่เสียหายจากการรบ และถ้ามีราษฎรคนใดที่ถูกเจ้าเมืองกับขุนนางข่มเหงกดขี่เอาเงินทองมาฟ้องร้อง ก็จับเอาตัวขุนนางผู้นั้นมาฆ่าเสีย และเอาเงินทองคืนให้ทุกราย ราษฎรทั้งหลายก็สรรเสริญซ้องกั๋งเป็นอันมาก

ฝ่ายซือจินนั้น เมื่อออกจากคุกได้แล้ว ก็คุมไพร่พลตรงไปที่ประตูเมือง ทางทิศตะวันตก ถึงบ้านนางลีซุยลันก็จับตัวมาฆ่าเสียทั้งสามคนรวมทั้งบิดามารดา ให้หายแค้น แล้วก็ติดตามกองทัพของซ้องกั๋ง ออกจากเมืองตังเพงฮู้ไป

จากนั้นก็ไม่ได้ข่าวคราว ว่า ซือจิน นายรองของกลุ่มโจร เขาเนียซัวเปาะผู้ด้อยปัญญานี้ ว่าได้แสดงฝีไม้ลายมือให้ปรากฏอีกเมื่อไร และจะพลาดท่าพลาดทาง ให้เพื่อนพ้องต้องเหนื่อยยากกัน เหมือนอย่างที่แล้ว ๆ มาอีกหรือไม่.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *