ซ้องกั๋ง ตอน ซือจิน เจ้าหนุ่มด้อยปัญญา (3) ขณะที่ซือจินคอยดักตีชิงผู้ที่เดินทางผ่านไปมาหาลำไพ่อยู่นั้น วันหนึ่งก็เจอกับหลวงจีนองค์หนึ่ง ถือง้าวกับไม้เท้าเหล็กเดินผ่านมา หลวงจีนนั้นตวาดเอาว่า มีฝีมือและกำลังสักเท่าไร จึงจะมาคอยดักตีชิง ต้องทดลองกันสักหน่อย ซือจินก็ควงกระบี่สองมือเข้าสู้รบกับหลวงจีนได้สามสิบเพลง ไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กัน
ซือจินก็ขอถามชื่อแซ่ก่อน แต่หลวงจีนไม่ยอมหยุด บอกว่าต้องสู้กันต่ออีกสักสองร้อยเพลงเสียก่อน จึงจะบอกชื่อให้ ทั้งสองก็ฟาดฟันกันไปอีกยี่สิบเพลง ซือจินเห็นท่าว่าจะเอาชนะไม่ได้ จึงขอพักรบและขอรู้จักชื่อแซ่เอาไว้ หลวงจีนบอกว่าชื่อ ลูตัด ครั้นมาบวชเปลี่ยนชื่อเป็น ลูตีซิม ซือจินก็จำได้ว่าเคยเจอกันที่เมืองอุยจิว จึงคำนับและชวนไปนั่งพักใต้ต้นไม้ แล้วถามข่าวคราวว่า ตั้งแต่ช่วยกันออกเงินให้ กิมโล้ กับ นางซุยเหลียน บุตรสาวแล้ว เป็นอย่างไรจึงต้องไปบวช และมาเจอกันอีก
ลูตัดว่าเรื่องมันยาว แล้วก็เล่าว่าเมื่อฆ่า แต้โต๋ว พ่อค้าหมูที่หลอกลวงนางซุยเหลียนและกิมโล้ผู้บิดาแล้ว ก็หนีออกจากเมืองอุยจิวไปถึงเมืองใต้จิว แต่กลับพบกับสองพ่อลูกนั้นอีก นางซุยเหลียนไปได้สามีเป็นเศรษฐี จึงเชิญไปพักอาศัยที่บ้าน แต่ไม่นานก็มีผู้มาสอดส่องจะจับตัว เพราะมีประกาศให้สินบนถึงพันตำลึง จึงแอบไปบวชเป็นหลวงจีนอยู่ที่วัดเขาเงาไทซัว อาจารย์เปลี่ยนชื่อให้เป็น ลูตีซิม
บวชอยู่ได้ประมาณห้าเดือนเศษ ทนอดสุราไม่ได้ แอบไปเสพสุราแล้วอาละวาดไล่ตีหลวงจีนลูกวัดเจ็บป่วยไปหลายคน เป็นการละเมิดกฎของวัดจึงถูกภาคทัณฑ์ ต่อมาจึงให้ช่างตีเหล็กทำง้าวหนักแปดสิบเอ็ดชั่ง และไม้เท้าหนักหกสิบชั่ง แล้วก็แอบเสพสุราอีก คราวนี้ลูกวัดช่วยกันรุมเป็นร้อย เลยสู้รบกันใหญ่ ทำให้เข้าของเสียหายศาลาพังเป็นแถบ จึงถูกอาจารย์เจ้าสำนักส่งตัวไปอยู่ที่วัดไต้เซียงก๊กยี่ ที่เมืองตังเกีย
ระหว่างเดินทางได้เข้าพักอาศัยบ้านของ เล่าไทกง ซึ่งมีงานแต่งงานบุตรสาวกับนายโจรโดยไม่สมัครใจ จึงเข้าช่วยเหลือตีนายโจรบาดเจ็บหนีไป นายโจรผู้นี้เป็นคนที่สอง จึงไปตามนายโจรที่หนึ่งมาแก้มือ พอจะรบกันจึงได้รู้ว่าที่แท้ก็คือ ลีตง ครูของซือจิน ที่แยกกันไปจากเมือง อุยจิวนั้นเอง ลีตงก็ชักชวนไปอยู่ด้วยที่เขาถอฮวยซัว แต่เมื่ออยู่แล้วไม่สบายใจ เห็นว่าพวกนายโจรใจคอคับแคบจึงหนีมาเสีย จนมาเจอหลวงจีน ซุยเตาเสง กับเตาหยินชื่อ คูเซียวอิด ซึ่งเป็น อันธพาล แย่งชิงบุตรภรรยาชาวบ้านมากักขังไว้ในวัด ก็คิดจะช่วยเหลือแต่เดินทางมาวันเดียวสิบลี้เศษ ยังไม่ได้กินอาหารไม่มีแรงจะสู้รบ จึงหลบมาเสียก่อน พอดีมาเจอซือจินเพื่อนเก่าเข้านี่แหละ
ซือจินก็แบ่งอาหารที่มีอยู่ไม่มาก ให้หลวงจีนลูตีซิมกินพอประทังความหิว แล้วก็ชวนกันกลับไปที่วัดของอันธพาลสองนายนั้น เพื่อจัดการกวาดล้างคนพาลอภิบาลคนดี พอเจอกัน ลูตีซิมก็ตรงเข้าไปเอาไม้เท้าฟาดซุยเตาเสงก่อน แล้วก็สู้รบกันได้ถึงยี่สิบเพลง ซุยเตาเสงสู้ไม่ไหวก็เริ่มถอย คูเซียวอิดรี่เข้ามาช่วย ซือจินก็เข้าไปรบสกัดไว้ ล่อกันไปอีกสิบเพลง ซุยเตาเสงก็เสียที ถูกลูตีซิมฟาดด้วยไม้เท้าเหล็กที่บ่าล้มลง แล้วก็ซ้ำที่ศรีษะแตกตายไป คูเซียวอิดก็ถอยไม่เป็นขบวนซือจินก็รุกไล่ฟันด้วยกระบี่ คูเซียวอิดหลบทันแต่ก็พลาดล้มลง ซือจินจึงฟันเข้ากลางหลังและลูตีซิม ก็ตามซ้ำด้วยไม้เท้าถูกศรีษะแบะ ตายตามเพื่อนไปอีกคน
ครั้นปราบหลวงจีนกับเตาหยินแล้วก็ลากศพไปทิ้งเสีย ในวัดนี้ยังมีหลวงจีนแก่ ๆ อยู่อีกสี่ห้าองค์ ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของสองอันธพาล เมื่อลูตีซิมหนีออกจากวัดครั้งแรกคิดว่าพ่ายแพ้ไปแล้ว เกรงว่าจะถูกทำร้ายจึงพากันผูกคอตายหมด พอเข้าไปดูในห้องที่ใช้กักขังผู้หญิงไว้หลายคนปรากฎว่าบ้างก็ผูกคอตาย บางคนก็กระโดดน้ำตายหมดแล้ว เหลือแต่ห่อผ้าอยู่สามห่อ แก้ออกดูเห็นมีเงินทองสิ่งของที่มีราคาจึงแบ่งกันเก็บไว้ นอกนั้นก็มีของกินกับสุรา ซือจินกับลูตีซิมก็เลยจัดการเสียจนอิ่มแปล้ แล้วปรึกษากันว่าวัดนี้ไม่มีผู้รักษาแล้ว ทิ้งไว้ก็จะเป็นที่ให้โจรผู้ร้ายมาอาศัย จึงจัดการเผาเสียราบเรียบ แล้วก็คอนห่อผ้าเดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน
ซือจินและหลวงจีนลูตีซิมเดินเข้าไปในตลาด แวะเข้าไปนั่งปรึกษากันในโรงสุราว่าจะไปทางไหนดี ลูตีซิมก็บอกว่าตั้งใจจะไปอยู่วัดไต้เซียงก๊กยี่ในเมืองหลวง ซือจินนั้นไม่รู้จะไปทางไหน จำเป็นจะต้องกลับไปหา จูบู๊ นายโจรที่เขาเซียวฮัวซัวอย่างเดิม ทั้งสองจึงแยกทางกันไป
ซือจินก็ได้เป็นหัวหน้าโจรอยู่ที่เขาเซียวฮัวซัว ตามคำเชิญของนายโจรทั้งสาม ตั้งแต่บัดนั้น
วันหนึ่งซือจินไปว่าจ้างช่างเขียน มาเขียนรูปงิ้วประดับฝาผนังศาลเจ้ากิมเทียนเซียตี้ ตำบลเขางักฮัวซัวเป็นการแก้บน ช่างเขียนชื่อ เฮงหงี มีบุตรสาวรูปร่างงดงามชื่อ เฮงเกียวกี เวลาทำงานเฮงหงีก็พาบุตรสาวมาด้วย ทำงานอยู่หลายวัน เจ้าเมืองฮัวจิวชื่อ ฮอไทซัว มาไหว้เจ้าบนเขา แลเห็นนางเฮงเกียวกีหน้าตาสวยงามก็เกิดชอบใจ ให้คนมาขอจะเอาไปเลี้ยงเป็นภรรยา เฮงหงีไม่ยอมเจ้าเมืองก็ให้ไพร่พลมาฉุดคร่าเอาตัวนางเฮงเกียวกีไป และจับตัวเฮงหงีมาตั้งข้อหาแล้วลงโทษเนรเทศให้ไปอยู่ต่างหัวเมือง ผู้คุมก็พาเฮงหงีเดินผ่านไปทางเขาเซียวฮัวซัว พวกโจรจึงจับตัวเฮงหงีกับผู้คุมสองคนไปส่งให้ซือจิน เฮงหงีก็เล่าเรื่องราวให้ซือจินฟังทุกประการ ซือจินจึงสั่งให้ ฆ่าผู้คุมทั้งสอง แล้วให้เฮงหงีพักอาศัยอยู่บนเขา ตนเองแต่งตัวพกอาวุธไปบ้านเจ้าเมืองฮัวจิว แม้ใครจะห้ามปรามก็ไม่ยอมฟัง
ขณะนั้นฮอไทซัวออกว่าราชการ เห็นซือจินยืนอยู่หน้าบ้านผิดสังเกตุ จึงสั่งให้ทหารเตรียมพร้อมไว้ แล้วให้คนใช้ไปแจ้งว่า จะร้องเรียนเรื่องอะไรก็เชิญเข้ามาได้ พอซือจินเดินเข้าไปข้างในทหารก็ปิดประตูแล้วจับตัวไว้ ค้นได้อาวุธที่พกไป ฮอไทซัวก็ถามว่าจะมาทำอะไรที่นี่ ซือจิน ก็บอกตามตรงว่า
“…..เราชื่อซือจินอยู่ ณ เขาเซียวฮัวซัว จะแก้แค้นแทนเฮงหงี ที่เราจ้างมาเขียนเรื่องงิ้วถวายเจ้าที่ศาล….”
เจ้าเมืองก็ยิ่งโกรธสั่งให้ใส่ขื่อคาเอาไปขังคุกไว้ แล้วจะยกกองทัพไปจับพวกโจรที่เขาเซียวฮัวซัวมาฆ่าเสียให้สิ้น
นายโจรทั้งสามคือ จูบู๊ ตันตัด และ เอียชุน ได้ข่าวว่า ซือจินถูกจับขังคุกไว้แล้วก็ตกใจ เพราะเมืองฮัวจิวเป็นเมืองใหญ่ ทแกล้วทหารเข้มแข็ง ไม่สามารถจะพาลิ่วล้อพวกโจรเข้าตีหักเอาได้ จึงรอฟังข่าวอยู่
พอดีหลวงจีนลูตีซิม ซึ่งซัดเซพเนจรไปเข้าเป็นพวกโจรอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ เกิดคิดถึงซือจินจึงชวน บู๊สง นายโจรผู้หนึ่งมาเยี่ยมที่เขาเซียวฮัวซัว นายโจรทั้งสามก็ออกมาต้อนรับ แนะนำชื่อแซ่รู้จักกันแล้ว ก็จะพาไปเข้าที่พัก หลวงจีนลูตีซิมบอกว่าเดี๋ยวนี้ได้อยู่กับ ซ้องกั๋ง ที่เขาเนียซัวเปาะเป็นสุขสบายดี มีความคิดถึงซือจินจึงเดินทางมาเยี่ยมเยียน จูบู๊ก็เล่าเรื่องที่ซือจินต้องถูกจำคุกให้ฟังทุกประการ ลูตีซิมก็ว่าถ้าอย่างนั้นต้องไปฆ่าฮอไทซัวให้ได้เสียก่อนจึงจะกลับมาพัก บู๊สงก็เตือนว่าเย็นมากแล้วพักเสียก่อนเถิด นายโจรก็จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงต้อนรับ และพาเฮงหงีมาคำนับลูตีซิม และบู๊สงให้รู้จักกันไว้
ลูตีซิมก็ไม่ดื่มสุรากินอาหาร คิดหาหนทางที่จะไปช่วยซือจินให้ได้ บู๊สงก็แนะนำให้กลับไปบอกซ้องกั๋ง ยกทัพใหญ่มาตีเมืองเฮงจิว ลูตีซิมก็ว่ากว่าจะไปถึงเขาเนียซัวเปาะแล้วกลับมา ซือจินก็คงจะตายเสียก่อน นายโจรก็ช่วยกันชี้แจงเหตุผล ลูตีซิมก็ว่า
“…..มีแต่ใจคอเช่นนี้ เหมือนกับใจผู้หญิงด้วยกันทั้งสิ้น ชีวิตซือจินตกไปอยู่ในเงื้อมมือเขา จะมานั่งเสพสุราปรึกษาอย่างไร…..”
ว่าดังนั้นแล้วก็ฉวยกระบี่กับไม้เท้าเหล็กคู่มือ ออกจากเขาเซียวฮัวซัวไปเมืองเฮงจิว โดยไม่ฟังคำทัดทานของผู้ใดทั้งสิ้น
ลูตีซิมมาถึงบ้านของเจ้าเมือง พอดีฮอไทซัวกำลังจะกลับเข้าบ้าน ชาวบ้านก็บอกให้ลูตีซิมหลบไปเสีย ลูตีซิมกลับดีใจว่าจะได้ฆ่าเสียตรงนี้เลย แต่พอเห็นไพร่พลของเจ้าเมืองแห่แหนกันมาเป็นอันมาก และสองข้างขบวนมีทหารถืออาวุธ เดินขนาบอยู่ทั้งซ้ายขวาไม่อาจจะลงมือได้ จึงเดินวนเวียนอยู่หลายกลับจนเจ้าเมืองผ่านเข้าบ้านไป แต่เห็นผิดสังเกตุจึงให้จัดทหารซุ่มไว้ประมาณร้อยเศษ แล้วให้คนใช้ไปเชิญหลวงจีนเข้ามาฉันอาหารเจในบ้าน ลูตีซิมเห็นเป็นโอกาสอันดีจึงรับนิมนต์ แล้วก็เดินตามคนใช้เข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ก็บอกให้วางอาวุธเสีย เพราะเป็นที่อยู่ชั้นในของเจ้าเมือง ลูตีซิมคิดว่าถึงตีด้วยมือก็คงตาย จึงยอมวางอาวุธ พอคนใช้พาเข้าไปถึงตัวเจ้าเมืองก็สั่งให้ทหารรุมจับตัวมัดไว้ อย่างแน่นหนาและคุมตัวเอามาชำระที่หลังบ้าน
หลวงจีนลูตีซิมนั้นถึงเสียทีก็ไม่ย่อท้อ กลับด่าฮอไทซัวว่าเป็นชาติขุนนางกังฉิน ดีแต่ข่มเหงเบียดเบียนราษฎร และเที่ยวฉุดเอาบุตรภรรยาเขามาข่มขืน ทำให้ไพร่บ้านพลเมืองได้รับความเดือดร้อน แล้วซ้ำจับเอาซือจินมาจำคุกไว้ ตนก็ไม่กลัวจะสู้ตายกับซือจิน แม้นว่าซ้องกั๋งพี่ชายรู้ คงจะมาแก้แค้นแทนให้จงได้ ถ้าเชื่อฟังจงถอดเอาซือจินกับนางเฮงเกียวกี บุตรสาวของ เฮงหงีช่างเขียนมา จะพาไปมอบให้บิดาเขาเสีย
ฮอไทซัวได้ฟังก็ยิ่งโกรธมากขึ้น จึงให้เอาตัวไปขังคุกไว้กับซือจิน กระบี่กับไม้เท้าเหล็กให้ยึดเอาไว้เป็นของกลาง แล้วก็เขียนหนังสือบอกเข้าไปยังเมืองหลวงให้สั่งการ
ขณะนั้น ไตจง นายโจรอีกคนหนึ่งจากเขาเนียซัวเปาะ มาตามหาลูตีซิมกับบู๊สง ได้ทราบข่าวจากจูบู๊ก็รีบกลับไปบอกซ้องกั๋ง ที่เขาเนียซัวเปาะให้รู้เรื่องหมดทั้งสิ้น เตียวไก่ หัวหน้าใหญ่สูงสุดของเขาเนียซัวเปาะจึงให้ซ้องกั๋งนำกองทัพมาช่วย โดยจัดพลเดินเท้าสองพันขี่ม้าหนึ่งพัน นายโจรห้านายเป็นกองหน้านำไปก่อน กองกลางมีซ้องกั๋งกับนายโจรอีกห้าคนคุมพลสองพัน กองหลังมีนายโจรอีกห้าคนคุมพลสองพัน กับเสบียงอาหาร ยกออกจากเขาเนียซัวเปาะ เดินทางไปหลายวันจึงถึงเขาเซียวฮัวซัว นายโจรทั้งสามกับบู๊สงก็ออกมาต้อนรับ พากองทัพเข้าตั้งค่ายพักบนเขา แล้วจัดพลลาดตระเวนสืบข่าวไป ให้ทั่วทุกตำบล
ในไม่ช้าก็ได้ข่าวว่า ใต้ซือไทอวย ขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงถือรับสั่งพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ คุมป้ายทองสลักเป็นรูปมังกรเรียกว่า กิมเหลงเตียวกัว ซึ่งได้พระราชทานมาแขวนถวายเจ้ากิมเทียนเซี้ยตี้ ที่ศาลเจ้าเขางักฮัวซัว ณ เมืองฮัวจิว และได้ล่องเรือตามแม่น้ำอึงหอมาพักอยู่ชายเขตแดนเมืองฮัวจิวแล้ว ซ้องกั๋งกับพี่น้องนายโจรเขาเนียซัวเปาะ ก็ออกอุบายหลอกลวงขู่เข็ญให้ใต้ซือไทอวยขึ้นบกไปพักที่เขาเซียวฮัวซัว เล่าเรื่องที่ฮอไทซัวเจ้าเมืองฉุดคร่านางเฮงเกียวสี และจับลูตีซิมกับซือจินไปขังไว้โดยไม่เป็นธรรมให้ทราบทุกประการ แล้วขอยืมนายทหารที่มาด้วยสองนาย คือ กิมเหลง กับ เตียวกัว ไปหลอกให้ฮอไทซัวออกมาจากเมือง เพื่อต้อนรับใต้ซือไทอวยที่ศาลเจ้างักฮัวซัว แล้วก็ล้อมฆ่าพร้อมกับทหารที่ติดตามอีกสามร้อยเศษตายหมดสิ้น
จากนั้นซ้องกั๋งก็ยกกองทัพเข้าตีเมืองฮัวจิวแตก ถอดเอาลูตีซิมกับซือจินออกมาจากคุกได้ แต่นางเฮงเกียวสีพอรู้ว่าเมืองแตกก็โดดบ่อน้ำตายไป ซ้องกั๋งกับพวกโจรเขาเนียซัวเปาะ เก็บทรัพย์สินของเจ้าเมืองลงเรือกลับไปถึงเขาเซียวฮัวซัวแล้ว ก็ปล่อยตัวใต้ซือไทอวย กับกิมเหลงเตียวกัว ให้นำของพระราชทานไปถวาย ที่ศาลเจ้ากิมเทียนเซียตี้ ณ เขางักฮัวซัวตามกำหนดเดิม ใต้ซือไทอวยก็ให้ขุนนางผู้ใหญ่เมืองฮัวจิว ทำใบบอกแจ้งเรื่องราวทั้งหมดไปยังเมืองหลวง
ซ้องกั๋งก็ชวนพวกโจรเขาเซียวฮัวซัว ไปอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะด้วยกัน ก็ไม่มีผู้ใดขัดข้อง ทั้งหมดจึงจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกันเป็นที่สำราญยิ่ง แล้วจัดเก็บสิ่งของทรัพย์สมบัติ รวมทั้งเสบียงอาหารบรรทุกใส่เกวียนเดินทางไปเป็นขบวน โดยเผาโรงเรือนที่อยู่อาศัยบนเขาเซียวฮัวซัวจนราบเรียบไปหมด
ส่วนเฮงหงีนั้นไม่ยอมไปด้วย ซือจินก็ให้เงินทองไว้ใช้สอยเพียงพอที่จะทำมาหากินได้ตามสบาย
ซือจิน เจ้าหนุ่มลูกชายอดีตนายอำเภอ ซึ่งได้ตั้งใจว่าจะฝึกเพลงอาวุธ เอาไว้สมัครเข้ารับราชการ แต่ต้องกลายมาเป็นโจรด้วยความจำเป็น จึงได้เลื่อนฐานะจากหัวหน้าโจรก๊กเล็ก เป็นนายโจรคนสำคัญแห่งเขาเนียซัวเปาะโดยไม่มีทางเลือก.